สุขนี้มิไกล: ใครปัญญาไวหาได้ทุกสถาน

Somdet Phra Buddhaghosacariya (P. A. Payutto)

ถ้ารู้จักใช้ ชีวิตก็มีคุณค่ามหาศาล

คนเรานั้นเกิดมาก็มีชีวิตร่างกายเท่ากัน มีกายกับใจเหมือนกัน ทางพระท่านเรียกว่ามีรูปนาม หรือมีขันธ์ ๕ มาเท่าๆ กัน แต่ชีวิตของคนที่เกิดมาเท่ากันนั้น กลับทำอะไรได้ไม่เท่ากัน ก็เพราะว่าคนหนึ่งรู้จักใช้ชีวิตหรือดำเนินชีวิตเป็น ส่วนอีกคนหนึ่งไม่รู้จักใช้ชีวิตหรือดำเนินชีวิตไม่เป็น เป็นคนที่ตกอยู่ในความประมาท ตรงข้ามกับคนที่ใช้ชีวิตเป็นซึ่งเป็นคนที่ไม่ประมาท รู้จักใช้กาลเวลาให้เป็นประโยชน์

พระพุทธเจ้าตรัสอุปมาไว้เป็นพุทธภาษิตบทหนึ่ง อาตมาอยากจะยกมาให้ฟังเป็นตัวอย่างสำหรับเตือนใจ เปรียบเหมือนว่ามีดอกไม้สุมกันอยู่กองหนึ่ง ไม่รู้ว่าดอกอะไรบ้าง มีมากมาย จากกองดอกไม้นั้น นายมาลาการ คือ ช่างจัดดอกไม้ผู้ฉลาด เลือกเก็บดอกไม้จากกองที่สุมอยู่นั้นมาร้อยเป็นพวงมาลามาลัย หรือจัดเป็นแจกันอันสวยงามให้เป็นระเบียบเรียบร้อยน่าดู นอกจากสวยงามแล้วยังมีคุณค่า นำไปบูชาพระพุทธเจ้า หรือบูชาพระรัตนตรัยก็ได้ ดอกไม้ที่กองสุมรวมกันอยู่ เมื่อเรารู้จักใช้ประโยชน์ก็กลายเป็นพวงมาลามาลัยหรือดอกไม้ในแจกันในพานที่สวยงาม ฉันใด คนเราเกิดมาแล้วชาติหนึ่งก็ควรใช้ชีวิตนี้ทำประโยชน์ ทำความดีให้มาก ฉันนั้น

ตามความหมายของพุทธภาษิตนี้ ขอให้นึกถึงชีวิตของเราก็จะเห็นว่าเป็นเพียงองค์ประกอบต่างๆ ที่มาประชุมกัน พูดตามภาษาโบราณว่าเป็นการประชุมกันของธาตุทั้งหลาย มีดิน น้ำ ลม ไฟ ร่างกายของเราก็มีแค่ดิน น้ำ ลม ไฟ มารวมกันเข้า พอตายแล้วธาตุเหล่านั้นก็กลับคืนไปเป็นน้ำ เป็นดิน เป็นลม เป็นไฟไปตามเดิม แต่ระหว่างมีชีวิตอยู่คนเราอาจจะใช้ชีวิตที่เป็นธาตุต่างๆ สุมกันอยู่นี้ให้เป็นประโยชน์มีคุณค่าได้ ดังที่ปรากฏว่าบางคนมีชื่อดีงามอยู่ในประวัติศาสตร์

บางทีคนเดียวชีวิตเดียวเท่านั้นทำโลกทั้งโลกให้เปลี่ยนแปลงไป เช่นมีการค้นพบ ที่ทำให้เกิดความก้าวหน้าทางสติปัญญา ทำให้วัฒนธรรมอารยธรรมเจริญรุ่งเรืองขึ้น คนผู้เดียวทำประโยชน์ให้แก่สังคมอย่างมหาศาลยั่งยืนยาวนาน เพราะฉะนั้น ชีวิตเดียวที่นิดหน่อยนี้ ถ้ารู้จักใช้เป็น ชีวิตนั้นก็ก่อให้เกิดประโยชน์มากมายเหลือเกินสุดที่จะประมาณได้

มหาบุรุษทั้งหลายก็มีชีวิตอย่างเรานี่แหละ คือเป็นเพียงดิน น้ำ ลม ไฟ แต่เพราะรู้จักใช้ประโยชน์ก็ทำให้ประวัติศาสตร์ต้องจารึกความดีไว้ เป็นผู้พลิกผันกระแสอารยธรรมของมนุษย์ได้ ยกตัวอย่าง เช่น พระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าทรงเป็นตัวอย่างของมหาบุรุษ ทรงเป็นมนุษย์ที่ใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ดังที่ได้เกิดพระศาสนาที่ยิ่งใหญ่ เกิดสถาบันคณะสงฆ์ที่ยิ่งใหญ่ มีผู้คนนับถือหลายร้อยล้านคน แผ่กระจายไปทั่วโลก และยั่งยืนอยู่มาเป็นพันๆ ปี การที่เป็นอย่างนี้ก็อยู่ที่การใช้ชีวิตเป็น หรือรู้จักใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์

เพราะฉะนั้น เราจะต้องเอาคตินี้มาใช้ อย่างที่บอกว่าเหมือนนายมาลาการคือช่างร้อยดอกไม้ผู้ชาญฉลาดเลือกเก็บดอกไม้จากกองมาร้อยเป็นมาลามาลัยที่สวยงามได้มากมาย เราก็ควรจะใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์มากๆ และทำความดีให้ได้มากๆ แล้วชีวิตนี้ก็จะมีคุณค่า

ความตายเป็นเครื่องเตือนใจเราให้ไม่ประมาทอย่างนี้ ถ้าเรานึกถึงความตายแล้วสามารถสร้างความคิดอย่างนี้ได้แล้ว ความตายก็กลับเป็นเรื่องที่มีคุณค่า ระลึกขึ้นมาเมื่อไรก็เตือนใจให้เราไม่หยุดนิ่ง รีบทำความดีงาม

 

The content of this site, apart from dhamma books and audio files, has not been approved by Somdet Phra Buddhaghosacariya.  Such content purpose is only to provide conveniece in searching for relevant dhamma.  Please make sure that you revisit and cross check with original documents or audio files before using it as a source of reference.